วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

เพลง ข้างๆหัวใจ

พยายามทำความเข้าใจ สายตาเวลาที่เธอมองฉัน
ไม่อยากคิดอะไร เกินเลยจนพลาดพลั้ง
ก็มันเห็นว่าความห่วงใย ที่เคยดีใจเมื่อเธอให้กัน
ไม่ได้พิเศษกว่า ที่เธอให้กับเขา
ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากยังใกล้ชิดกัน
แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน สับสนมากเหลือเกิน
แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร
มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ
ก็วันนี้เธอมาเจอกัน ทั้งที่วันนั้นเธอไปกับเขา
เลยไม่กล้าจะเดา ว่าเรานั้นลึกซึ้ง
ก็ไม่รู้มันคืออะไร หรือไม่มีใจเลยสักนิดนึง
มันค้างค้างคาคา กับฐานะอย่างนี้
ห้ามให้คิดนั้นลำบาก หากยังใกล้ชิดกัน
แต่เธอรู้ไหมว่าใจของฉัน สับสนมากเหลือเกิน
แล้วฉันนั้นสำคัญแค่ไหน คิดฝันไปได้ไกล เท่าไร
มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ
แล้วฉันนั้นสำคัญเท่าไร คิดฝันไปได้ไกล แค่ไหน
มีโอกาสได้ยืน ในหัวใจเธอบ้างไหม
ถอนตัวและถอนใจไม่ทัน แม้เธอจะมองกันเช่นไร
หากเธอไม่ได้รักเลย แค่ขอข้างข้างหัวใจ
ให้ฉันได้ยืนต่อไป เพื่อรักเธอ

วันอังคารที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2554

มารู้จัก Future Simple Tense กันเถอะ ^^

Future Simple Tense


โครงสร้าง
          S + will / shall + V1


I , We
shall
play football this evening.
eat some fruit.
go to the concert tonight.
You , He, She , It
They , Mary
will



หลักการใช้


      1. ใช้เมื่อจะมีการกระทำอย่างหนึ่งเกิดขึ้นในอนาคต shall ใช้กับบุรุษที่ 1 (I , We) ส่วน will ใช้กับบุรุษที่ 2, 3
            (You , he , they , etc..) และคำนามทั่วไป (Jane , Tom , John and Mary, etc..) แต่ในปัจจุบัน
            เราใช้ will ได้กับทุกบุรุษสรรพนาม
            คำวิเศษณ์ที่บอกเวลา (Adverbs of time) สำหรับการกระทำที่จะเกิดขึ้นในอนาคต มีดังนี้
            soon , shortly , in a short time , in a moment , in a while , in a week's time ,
            in two days' time , in the future , in a few minutes (days , weeks , months, etc..)
            tonight , tomorrow , next week (month , year, Monday, etc..) later (on) = afterwards ,
            from now on (ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป)
            - The play will begin in ten minutes' time.
            - The test tomorrow will be on everything in the book from Text 15 to Text 20.
            - We will finish "The Future Tense" next Friday.
            - I will try my best from now on.

       2. ประโยคแสดงอนาคตที่มีกริยา 2 ตัว ให้ใช้ future simple กับกริยาเพียวตัวเดียวตัวหนึ่ง ใช้
            present simple หรือ present perfect กริยาที่ใช้รูป future simple คือ คำกริยาซึ่งอยู่หน้าคำเชื่อม
            คำเชื่อมที่พบมาก ได้แก่ when , until , as soon as , before , after , the moment (that) ,
            by the time that , now that , unless
The Future Simple
if , unless, when, until,
as soon as, before , after ,
now that , the moment that,
by the time that
Present Simple
Present Perfect
              
                 - We will go if we have time.
                 - When they get here, you 'll see how tired they are.
                 - They cannot leave until they do(have done) their work.
                 - He will visit you after he has had something to eat.
                 - Now that you have won the lottery , what are you going to do?
                 - I'll wait until he comes.
                (คำ after , now that , when (ในความหมายของ after) นิยมใช้กับ Present Perfect)

       3. การกระทำที่มีการตัดสินใจที่จะทำหลังการถามเสร็จสิ้น โดยไม่ได้มีการวางแผนมาก่อนล่วงหน้า
               - John : Can anybody help me , please?
                  Helen : Yes, I'll help you. (มีการตัดสินใจว่าจะช่วยหลังจากที่ John ถาม)
               - Tom : You know today is Mary's birthday?
                  John : Oh really? I'll buy her a present.  (John จะซื้อของขวัญให้ Mary
                  หลังจากเพิ่งรู้จาก Tom ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของ Mary)

         
"The Going to " Future
                       
                 S + is/am / are + going to + V1

               หลักการใช้ to be going to

                a) ใช้แทน will หรือ shall ที่แสดงถึงการกระทำในอนาคต เมื่อกล่าวถึงแผนการณ์ (plans)
                      หรือความตั้งใจ (intentions) หรือสิ่งที่ได้ตัดสินใจที่จะทำในอนาคต

                         - Are you going to meet your friends at the airport?
                           (เป็นการตั้งใจที่จะไปพบ)
                         - He says he is going to get up very early in the future.
                            (เขาตั้งใจที่จะตื่นเช้าในอนาคต)  
                         - He is going to be a doctor. (ความตั้งใจ)
                         - They are going to perform a play at the end of next term. (แผนการณ์)

                 b) ใช้กับเหตุการณ์ที่คิดว่าจะเกิดขึ้นแน่ๆ (certain happen)
                         - Be careful! You're going to fall.
                         - Look at that black clouds, it's going to rain.
                         - One day he's going to regret at being so lazy.

                (หมายเหตุ --- "going to" ที่แสดงอนาคตนี้มักนิยมใช้ภาษาพูด (spoken English) มากกว่าภาษาเขียน
                                      (written English)       

วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

10 สถานที่ท่องเที่ยว ที่น่าไปเยือนที่สุดในโลก ในปี 2011


อันดับที่ 10 Ponza & the Pontine Islands, Italy
หมู่เกาะ Pontine เป็นหมู่เกาะใหญ่ ที่มีความงดงามและท่องเที่ยวได้สนุกที่สุดของประเทศอิตาลี อีกทั้งเป็นสถานที่ที่อยู่ไกลแผ่นดินใหญ่มากพอที่จะไม่ใช่จุดหมายปลายทางของกลุ่มนักท่องเที่ยวขนาดใหญ่ เกาะแห่งนี้เป็นสถานที่ที่ดีกว่าสำหรับคนที่อุตส่าห์ดั้นด้นมาจนถึงที่นี่ เพราะสิ่งที่คุณจะได้ค้นพบนั้นหายากมาก เป็นเพชรของทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ทำให้อิตาลีมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไม่เสื่อมคลาย ไม่ใช่ว่า Ponza “ยังไม่ถูกค้นพบ” … ในทางตรงข้ามมันเป็นสถานที่ที่ใช้หลบหลีกไปพักผ่อนในช่วงฤดูร้อนที่น่าตื่นเต้น และสนุกสนานกับ bella gente ของโรมและเนเปิ้ล หากคุณต้องการจะหลีกเลี่ยงภาพของวันหยุดกับคนอื่นๆ ก็ควรจะมาเที่ยวที่นี่ในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และกันยายน — คนท้องถิ่นจะบอกกับคุณว่าช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เกาะนี้สวยที่สุด

อันดับที่ 9 Puerto Viejo, Costa Rica
Puerto Viejo เมืองท่าเล็กนิดเดียวในโค้งอ่าวในทะเลคาริบเบียนของ คอสตาริกา มีสภาพแวดล้อมที่คุณสามารถพักผ่อนได้สบายๆ พร้อมกับอาหารรสจัดจ้าน ความร้อนในบรรยากาศเขตร้อนชื้น และถนนหนทางที่เต็มไปด้วยจังหวะดนตรีที่เล่นกันในชายคาพร้อมทั้งเพลงเร็กเก้ จากชายฝั่งทะเลเข้าไปจนถึงในเมือง คุณจะได้เห็นนักโต้คลื่นโยกตัวในจังหวะซาลซ่า แนวปะการังที่นแนวยาวเหมือนต้นบอนไซ ทางใต้ของเมืองเป็นหาดทรายขาวนวลที่มีฉากหลังเป็นป่าไม้เมืองร้อนที่ขึ้นหนาแน่น รวมถึงพื้นที่ที่ได้รับการสงวนของอุทยาน หากคุณต้องการทำกิจกรรมมมากกว่าการนอนอาบแดด คุณอาจจะไปปีนเขาในเทรลใกล้ๆที่ Gandoca-Manzanillo Wildlife Refuge หรือที่อุทยานแห่งชาติ Cahuita คุณจะได้ยินเสียงคำรามของลิงพร้อมๆกับเห็นนกแก้วบินโฉบไปมา

อันดับที่ 8 Nahanni National Park, Canada
หากจะมีการเรียงลำดับสิ่งที่น่าทำในการท่องเที่ยวผจญภัยในแคนาดา คงจะต้องเทใจให้กับการพายเรือล่องไปตามแม่น้ำ Nahanni ในขณะที่อุทยาแห่งชาติ Nahanni ทางตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเสมอมา — ซึ่งเป็นสถานที่แห่งแรกที่ UNESCO ประกาศให้เป็นมรดกโลก – แต่ความนิยมนี้เพิ่มขึ้นมากมายในช่วงปี 2009 ด้วยเหตุที่มีการขยายพื้นที่เขตคุ้มครองออกไปไปจนกว้างใหญ่ถึง 11,500 ตารางไมล์ (พื้นที่เกือบจะเท่ากับประเทศสวิสเซอร์แลนด์) ในขณะที่พื้นที่ที่ห่างไกลของอุทยานแห่งนี้หมายถึงการเดินทางที่ต้องใช้เงินมากขึ้น แต่ใช่ว่าคุณจะต้องเป็นนักท่องเที่ยวธรรมชาติที่เปี่ยมประสบการณ์จึงจะสนุก – การที่ทางเหนืออากาศอุ่นมันหมายความว่าฤดูกาลของที่นี่จะยาวนานขึ้นกว่าเดิมทุกๆปี และผู้คนมากมายเลือกที่จะล่องเรือสบายๆไปตามแม่น้ำ แล้วมีความสุขสนุกสนานกับการดูสรรพชีวิตในธรรมชาติ

อันดับที่ 7 Cesme Peninsula, Turkey
หมู่บ้านเล็กๆที่มีสถาปัตยกรรมด้านหน้าของตึกในแบบกรีกดั้งเดิม และหาดทรายที่ทอดตัวยาวเหยียดซึ่งครั้งหนึ่งเป็นสถานที่วิ่งเล่นและห้องเรียนของ Izmir’s ได้พัฒนาขึ้นเป็นแหล่งท่องเที่ยวสากลที่สวยงาม ทุกวันนี้ มีสปาสุดหรูหลายสิบแห่งที่รีสอร์ทที่สวยงามในบริเวณอ่าวให้นักท่องเที่ยวได้พักผ่อนและรับการปรนเปรอ รวมถึงบูติกโฮเต็ล หรือแมนชั่นอลังการ คุณอาจจะเลือกย้อนยุคไปพักที่ Erytrai เมืองประวัติศาสตร์ที่คุณสามารถสัมผัสเรื่องราวในเขตเมดิเตอร์เรเนียน ผ่านไปในยุคมืดที่ Çesme’s hybrid Genoese-Ottoman ก่อนที่จะกลับมาสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการนั่งจิบเครื่องดื่มในคาเฟ่ข้างๆถนนที่ Alaçati หรือที่ภัตตาคาร white-glove ที่ Dalyan cove

อันดับที่ 6 Hokkaido, Japan
ฮ๊อกไกโด เป็นเกาะทางเหนือสุดของญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่น่าประทับใจในทุกๆมุมมอง … ในขณะที่แผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่นมีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่น แต่ฮ๊อกไกโดมีพื้นที่กว้างขวาง และมีผู้คนอาศัยตามที่ต่างๆกระจายกันไป และขณะที่บนแผ่นดินใหญ่มีสถาปัตยกรรมแบบเอเชีย เมืองต่างๆบนเกาะฮ๊อกไกโดกลับแตกต่าง จนเกือบจะเป็นกลิ่นอายของยุโรป ในขณะที่ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นสวรรค์ของเทคโนโลยี ฮ๊อกไกโดกลับเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าพิศวงทางธรรมชาติ จากทุ่งดอกไม้ในฤดูร้อน ไปจนถึงทิวทัศน์งดงามของน้ำแข็งในฤดูหนาว

อันดับที่ 5 Kent Coast, England
โค้งอ่าว เค้นท์ อยู่ห่างจากกรุงลอนดอนโดยทางรถไฟเพียง 2 ชั่วโมง เป็นโค้งอ่าวที่ทอดตัวยาวและสะอาดสะอ้าน มีหาดทรายที่สวยงาม โตรกเขา และเมืองชายทะเลที่มีชีวิตชีวา มีกิจกรรมมากมายที่จะทำให้นักท่องเที่ยวสนุกสนานตลอดเวลา ตั้งแต่เรื่องการช้อปปิ้ง ถึงโรงแรมบูติกที่มีร้านอาหารอร่อยๆให้ลิ้มลอง สถานที่ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกไปพัก เริ่มจาก Whitstable ไปจนถึง Ramsgate ซึ่งคุณอาจจะเลือกกระท่อมริมหาดที่อ่าว Herne Bay หรือจะเป็นที่รีสอร์ทริมทะเลของ Broadstairs ซึ่งมีหาดทรายหลายแห่งให้คุณค้นหาในรายทาง นักเดินทางอาจจะเริ่มต้นที่ยอดโตรกเขาแล้วเดินตามทางที่มีความยาว 27 ไมล์ Viking Coastal Path แล้วแวะชมโบสถ็ที่เก่าแก่ของอังกฤษในระหว่างทางก็ได้

อันดับที่ 4 Atlanta, Georgia
ในฐานะที่เป็นเมืองหน้าด่านของภาคใต้ แอตแลนด์ต้า เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ทั้งเมืองถูกเผาราบเป็นหน้ากลองในช่วงเวลาที่ นายพล William Tecumseh Sherman’s เดินเท้าไปสู่ทะเลในปี 1864 และในขณะที่การแสดงการรบในสงครามกลางเมืองได้รับความสนใจอย่างมากจากนักท่องเที่ยว ภูเขา Kennesaw ในอุทยานแห่งชาติ Battlefield และเนินเขา Cheatham ก็เป็นที่นิยมไม่น้อยไปกว่ากัน มีสิ่งต่างๆมากมายที่น่าสนใจในเมืองแห่งนี้มากกว่าเรื่องการเผชิญหน้ากันเมื่อกว่า 150 ปีที่ผ่านมา แอตแลนตา มี อควาเลี่ยมที่ใหญ่ที่สุดในโลก พิพิธภัณฑ์โลกของโคคา โคลา มีสวนสัตว์ที่เยี่ยมยอดระดับโลก สวนพฤกษศาสตร์ที่น่าประทับใจ รวมถึงสวนสาธารณะ Federal parks ซึ่งเป็นสถานที่ที่สามารถเรียนรู้ชีวิตและงานของ Martin Luther King, Jr. นอกจากนี้แอตแลนตายังมีพื้นที่ที่สวยงามกระจายอยู่ทั่วไป เช่นที่ Virginia-Highlandsหรือ Midtown และ Buckhead ซึ่งสามารถเดินเท้าไปเยี่ยมชมได้ง่าย มีสถานที่คุณสามารถจับจ่ายใช้สอยได้ครบเครื่องเรื่องช้อปปิ้ง ทั้งที่ทานอาหารและชีวิตกลางคืน แอตแลนตาจึงเป็นเมืองที่มีภูมิหลังทางประวัติศาสตร์ และมีบางสิ่งสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

อันดับที่ 3 Stockholm, Sweden
นักเขียนนิยายขายดี เข่น Stieg Larsson ได้ทำให้กรุงสต๊อกโฮมอยู่ในรายชื่อเมืองที่สุดฮิตน่าไปเยือนที่สุดในยุโรป ผ่านตัวละครสุดยอดแฮกเกอร์ Lisbeth Salander ซึ่งรู้จักกันในชื่อ สาวน้อยที่มีลายสักรูปมังกร สต๊อกโฮมเป็นเมืองที่ผู้คนชื่นชอบในเรื่องของการค้นหาและสร้างความแปลกใจให้เสมอ นักท่องเที่ยวทุกคนควรจะได้ชมสถานที่ที่ไม่ควรพลาด เช่น พระราชวัง ถนน Gamla Stan หลังจากนั้นก็อาจจะลงเรือกลไฟในยุค 1900 ซึ่งจะนำคุณล่องน้ำสบายๆผ่านโขดหินและแผ่นดิน มุ่งตรงไปยังที่พำนักของพระราชวงศ์ที่ Drottningholm ไปว่ายน้ำที่ Art Nouveau pool ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1904 แล้วไปเดินเที่ยวที่ตลาดอาหารพื้นเมือง หรือจะเลือกไปเดินตามไกด์บนหลังคาบ้าน และแน่นอนที่สุด ต้องไปเดินตามรอยเท้าของ Lisbeth Salander ณ เกาะ Södermalm

อันดับที่ 2 Rio de Janeiro
ริโอ เด จานิโร จะเป็นจุดหมายปลายทางอันเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนมากมาย ด้วยการเสนอภาพดวงตะวัน ทะเล และการเป็นเมืองของการเต้นแซมบ้าที่กำลังก้าวเดินสู่การเป็นเมืองที่เปี่ยมเสน่ห์และซับซ้อนมากขึ้น คุณสามารถที่จะไปทานอาหารเย็นที่สุดสร้างสรรค์กับอาหาร 10 อย่างที่ภัตตาคารสุดหรู เช่นที่ Le Pré Catelan restaurant หรือจะเป็นภัตตาคารสุดฮิป Oui Oui ชายหาดงดงามของ ริโอ ก็สวยกว่าเดิมมาก จากหาด Leme ถึง Leblon ภัตตาคารกลางแจ้งใหม่ๆที่มีระเบียงให้นั่งพัก พร้อมห้องอาบน้ำที่ทันสมัย ในฐานะที่จะเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกปี 2014 และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในปี 2016 ริโอ เด จานีโร ได้มีการพัฒนาที่น่าตื่นตา ซึ่งจะดึงดูดผู้คนมากมายให้มาเที่ยวที่นี่แน่ๆ
อันดับที่ 1 Doha, Qatar
โดฮา ไม่ใช่สถานที่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ชอบดื่มเบียร์อย่างหนักหน่วงอย่างนักท่องเที่ยวอังกฤษ หรือห้องมากมายในโรงแรมเหมือนอย่างที่ดูไบ แต่โดฮามีชายหาดที่สวยงามกว่า และห้องอาหารรสเยี่ยมก็ไม่แออัดเท่าเมืองที่กล่าวถึง เครือข่ายข่าวของ อัล จาซีรา ได้ทำให้โดฮามีชื่อเสียงขึ้นมาเมื่อทศวรรษที่แล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นกล้องถ่ายรูปคนละอันก็ตาม – กล้องถ่ายภาพยนตร์ข่าวสารคดี – สิ่งที่จะชักนำนักท่องเที่ยวเข้ามาที่โดฮาเพื่อชมเทศกาลภาพยนตร์ ปีหน้าก็จะเป็นปีที่ 3 ของงานนี้ โดฮา มุ่งที่จะสร้างชื่อเสียงในเวทีโลกโดยเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในโลก คุณ ไอ เอ็ม เป่ย ได้ออกแบบพิพิธภัณฑ์ศิลปะอิสลาม ซึ่งจะเข้าร่วมเสนอตัวจัดโอลิมปิกในปี 2016 และเจ้าภาพฟุตบอลโลกในปี 2022 นอกจากนี้เมืองนี้ยังจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันฟุตบอลอาชีพของภูมิภาคเอเซียในเดือนมกราคม


อ้างอิงจาก http://www.jadtem.com/3047/

วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

กลอนคิดถึงคนไกล

คิดถึงคนอยู่ไกล ใจคิดถึงเธออยู่
อีกใจก็อยากรู้  ความเป็นอยู่ของเธอ
มีเพียงระยะทาง ขวางกั้นฉันไม่อาจเจอ
เสียงหัวใจเหน่อๆ คิดถึงเธอทุกเวลา
เธอคิดถึงฉันบ้างไหม  ถามใจของแก้วตา
คิดถึงตลอดเวลา หรือว่าแค่มาหลอกกัน
ขอจงไปให้ไกล หากใจไม่คิดผูกพัน
หากคิดจะรักกัน  ฉันสัญญาจะรักเธอ
ตลอดไป
อ้างอิงจาก http://poem-za.exteen.com/20091210/entry
 

วันจันทร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

เพลงอาเซียน

เพลงประจำอาเซียน (ASEAN Anthem) - "The ASEAN Way"




ธงประจำสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
Flag of the Association of South East Asian Nations (ASEAN)


ช่วงขณะที่เขียนบล็อกนี้คือกลางเดือนกุมภาพันธ์ของปีพุทธศักราช 2552 ซึ่งเป็นปีสำคัญที่ประเทศไทยเราได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 14 ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (เดิมจะจัดที่เชียงใหม่ในเดือน ธ.ค. 51 แต่ต้องเลื่อนไปด้วยเหตุผลทางการเมืองดังทราบกันดีอยู่แล้ว) ในระยะนี้ท่านคงจะได้ยินเพลงหนึ่งที่เริ่มเปิดประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งวิทยุและโทรทัศน์อย่างหนาหู ที่ขึ้นต้นว่า "Raise our flag high, sky high....." เพลงนี้มีชื่อว่า "The ASEAN Way" เป็นเพลงสำคัญที่จะบรรเลงในพิธีเปิดการประชุมอาเซียนซัมมิตครั้งนี้ และจะใช้เป็นเพลงประจำอาเซียนอย่างเป็นทางการต่อไป

ที่ว่าเป็น "เพลงประจำอาเซียน" ซึ่งเป็นคำที่ใช้อย่างเป็นทางการนี้ ฟังดูอาจจะงงเล็กน้อย ถ้าจะพูดให้ง่ายเข้าก็เหมือนกับใช้เป็นเพลงชาติของอาเซียนนั่นแหละครับ แต่ในที่นี้จะไปเรียกว่าเพลงชาติไม่ได้ เพราะอาเซียนมีฐานะเป็นองค์การระหว่างประเทศ หาได้มีฐานะเป็นรัฐชาติเป็นประเทศแต่อย่างใดไม่ (คำว่าเพลงชาติในภาษาอังกฤษนั้นเรียกว่า "National Anthem" ถ้าเรียกว่า "Anthem" เฉยๆ แปลเพียงว่าเพลงประจำหมู่คณะใดๆ เท่านั้น)

ว่าแล้วก็ขอเข้ารายละเอียดของเพลงเลยดีกว่า

ความเป็นมาของเพลงประจำอาเซียน (ASEAN Anthem)
(ข้อมูลโดยกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ)

ความเป็นมา

จุดเริ่มต้นของความคิดในการมีเพลงประจำอาเซียนเกิดขึ้นเป็นครั้งแรก จากการหารือในที่ประชุมอาเซียนทางด้านวัฒนธรรมและสนเทศ (ชื่อทางการคือคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศ) ครั้งที่ 29 ในเดือนมิถุนายน ปี 2537 ซึ่งในครั้งนั้นที่ประชุม มีความเห็นตรงกันว่า อาเซียนควรจะมีเพลงประจำอาเซียน โดยกำหนดจะให้เปิดเพลงประจำอาเซียนในช่วงของการจัดกิจกรรมต่างๆ ทางด้านวัฒนธรรมและสนเทศ ทั้งนี้ในเรื่องการสนับสนุนด้านการเงินที่ประชุมตกลง ให้ใช้เงินจากกองทุนวัฒนธรรมอาเซียนเพื่อสนับสนุนการจัดทำโครงการเพื่อคัดเลือกเพลงประจำอาเซียน

ต่อมาในการประชุม ครั้งที่ 32 ของคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศในเดือนพฤษภาคม ปี 2540 ที่ประเทศมาเลเซีย ได้พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อคัดเลือกเพลงในรอบสุดท้าย โดยเพลงที่เข้ารอบในครั้งนั้นเป็นเพลงจากไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ และเพลงASEAN Song of Unity หรือ ASEAN Oh ASEAN จากฟิลิปปินส์ได้รับรางวัลชนะเลิศ อย่างไรก็ดี เพลงดังกล่าวไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลายในประเทศสมาชิกอาเซียน เนื่องจากใช้เปิดเฉพาะในการ ประชุมคณะกรรมการอาเซียนว่าด้วยวัฒนธรรมและสนเทศและกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง

ด้วยเหตุนี้ทำให้ในการประชุมสุดยอดอาเซียนที่มาเลเซีย และที่สิงคโปร์ ประเทศที่เป็นเจ้าภาพการประชุมจึงได้แต่งเพลงเพื่อใช้เปิดในที่ประชุม โดยมาเลเซียแต่งเพลง “ASEAN Our Way” และสิงคโปร์แต่งเพลง "Rise"


บทบาทของไทยกับการจัดทำเพลงประจำอาเซียน

การจัดทำเพลงประจำอาเซียนเป็นการดำเนินการตามกฎบัตรอาเซียนโดย ข้อบทที่ 40 ระบุให้อาเซียนมีเพลงประจำอาเซียนโดยหากเป็นไปได้ให้เสร็จเรียบร้อยก่อนการให้สัตยาบันกฎบัตรอาเซียนและการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14

ประเทศไทยได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเพลงประจำอาเซียน โดยที่ประชุมประเทศสมาชิกอาเซียนได้เห็นชอบให้กำหนดรูปแบบการแข่งขันเป็น open competition โดยให้สำนักเลขานุการอาเซียนในแต่ละประเทศกลั่นกรองคุณสมบัติเบื้องต้นและจัดส่งให้ประเทศไทยภายในเดือนกันยายน 2551 โดยเนื้อร้องต้องมีเกณฑ์ ดังนี้ คือ
(1) เป็นภาษาอังกฤษ
(2) มีลักษณะเป็นเพลงชาติประเทศสมาชิกอาเซียน
(3) มีความยาวไม่เกิน 1 นาที
(4) เนื้อร้องสะท้อนความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนและความหลากหลายทางด้านวัฒนธรรมและเชื้อชาติ
(5) เป็นเพลงที่แต่งขึ้นใหม่
ทั้งนี้ ผู้ชนะเลิศจะได้รับเงินรางวัล 2 หมื่นดอลลาร์สหรัฐ

ในส่วนของการคัดเลือกเพลงในประเทศไทย กระทรวงวัฒนธรรมได้จัดการประชุมคณะกรรมการตัดสินเพื่อคัดเลือกเพลงภายในประเทศขึ้นเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2551 โดยมีเพลงจำนวน 11 เพลงที่ผ่านเกณฑ์ และประเทศไทยได้ส่งเพลงดังกล่าวเข้าร่วมการประกวดแข่งขันในระดับภูมิภาคอาเซียน

ในระดับภูมิภาคอาเซียน กรมอาเซียน ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแข่งขันเพลงประจำอาเซียนในระดับภูมิภาค รอบแรก เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551 ที่โรงแรม Pullman Bangkok King Power โดยมีกรรมการจากประเทศมาชิกอาเซียนประเทศละ 1 คน ในส่วนของไทย ฯพณฯ องคมนตรี พล.ร.อ. อัศนี ปราโมช ได้ให้เกียรติรับเป็นกรรมการฝ่ายไทยโดยทำหน้าที่ประธานการประชุมคัดเลือกเพลงและได้คัดเลือกเพลงจำนวน 10 เพลง จากที่ส่งเข้าประกวดทั้งสิ้น 99 เพลง รอบตัดสินเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 ประกอบด้วยกรรมการจากอาเซียน 10 คนเดิม และจากนอกอาเซียนอีก 3 คน ได้แก่จากญี่ปุ่น จีน และออสเตรเลียร่วมตัดสินด้วย ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์เลือกเพลง ASEAN Way ของไทยที่แต่งโดย นายกิตติคุณ สดประเสริฐ (ทำนองและเรียบเรียง) นายสำเภา ไตรอุดม (ทำนอง) และนางพะยอม วลัยพัชรา (เนื้อร้อง) ให้เป็นเพลงประจำอาเซียน


กรมอาเซียนได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเปิดตัวเพลงประจำอาเซียนเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 ณ โรงละครอักษรา โดยมีวงดุริยางค์ทหารเรือบรรเลงเพลง ASEAN Anthem และเพลงยอดนิยมจากประเทศสมาชิกอาเซียน ในส่วนของไทยได้บรรเลงเพลง “ลาวดวงเดือน” โดยได้มีแขกผู้มีเกียรติจากส่วนราชการต่างๆ คณะทูต ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และสื่อมวลชน กว่า 500 คนมาร่วมงาน ทั้งนี้ เพลงประจำอาเซียนจะใช้บรรเลงอย่างเป็นทางการในพิธีเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 14 ในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 ที่หัวหิน

ความสำคัญของเพลงประจำอาเซียน

การมีเพลงอาเซียน ถือว่ามีความสำคัญต่ออาเซียนเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจาก นับจากนี้ไปอาเซียนจะ มีเพลงประจำอาเซียนซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเสริมสร้างอัตลักษณ์ของอาเซียนในการเชื่อมโยงอาเซียนเข้าไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ การได้รับความไว้วางใจจากประเทศสมาชิกอาเซียนให้เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแข่งขันครั้งนี้ รวมทั้งการที่เพลงจากไทยได้รับคัดเลือกให้เป็นเพลงประจำอาเซียน ถือเป็นเกียรติภูมิของประเทศและแสดงถึงความสามารถของคนไทยด้วย

--------------------------------

สำหรับเนื้อร้องของเพลงมีดังนี้

Raise our flag high, sky high
Embrace the pride in our heart
ASEAN we are bonded as one
Look'in out to the world.
For peace, our goal from the very start
And prosperity to last.

We dare to dream we care to share.
Together for ASEAN
we dare to dream
we care to share for it's the way of ASEAN.


สำหรับท่านที่ต้องการทราบความหมายของเพลงเป็นภาษาไทย ผมก็ขอแปลดังนี้ (อาจจะขรุขระบ้าง แต่ขอเอาเนื้อหาใจความเป็นหลักสำคัญ)

ชูธงของเราขึ้นสูงสุดฟ้า
โอบเอาความภาคภูมิไว้ในใจ
อาเซียนเราผูกพันเป็นหนึ่ง
มองหมายมุ่งไปยังโลกกว้าง
เพื่อสันติภาพ คือเป้าหมายแรกสุด
และความเจริญมั่งคั่งคือเป้าหมายในที่สุดของเรา

เรากล้าที่จะฝัน เราใส่ใจที่จะแบ่งปัน
ร่วมกันเพื่ออาเซียน
เรากล้าที่จะฝัน
เราใส่ใจที่จะแบ่งปัน เพื่อเป็นวิถีแห่งอาเซียน


(ป.ล. ใครจะก็อปไปใช้ต่อก็เชิญได้เลยครับ แต่ขออย่างเดียวว่าให้เครดิตคนแปลด้วย จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ)

ไฟล์บันทึกเสียงของเพลง The ASEAN Way ขณะนี้มีอยู่ 2 เวอร์ชั่นที่แพร่หลายในอินเตอร์เน็ต ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น? ตรงนี้ขออนุญาตโควตข้อความของ อ.สำเภา ไตรอุดม (ในนามแฝง dukeudom) จากกระทู้พันทิปที่ C7505100 "The Asean Way เพลงชนะเลิศของคนไทยเวอร์ชั่นใหม่ครับ มีให้ downloadฟัง" มาอธิบายครับ

"เดิมความแล้วหลายอย่างเกิดขึ้นครับ เวอร์ชั่นที่อยู่ในเน็ตส่วนใหญ่เป็นอันที่พวกเราส่งประกวดกัน แต่นี่คือเวอร์ชั่นล่าสุดที่เราทำกันขึ้น โดยเอาเสียงวงดนตรีราชนาวีมา พร้อมแทรคร้องจากวงสวนพลู ซึ่งมีเวลามาบันทึกเพียง 30 นาทีและนักร้องมาไม่ครบชุดที่ซ้อมไว้ ก็เลยไม่ค่อยดี แต่เวอร์ชั่นนี้โดนทำเป็น CD แจกไปทั่วหมื่นกว่าแผ่นแล้วววว(ตอนแรกเขา(กระทรวงต่างฯ) ว่าจะเป็นชั่วคราว แต่อ้าววว เอาทำจริงเลยนี่นา)

เราเกรงว่าถ้าไม่ดีพอ ก็จะโดนครหา ยิ่งประเทศเพื่อนบ้านเราเก่งดนตรีกันเยอะ แต่เขาไม่ได้ชนะงานนี้ จะนินทาเราได้ ก็เลยควักกระเป๋าจ่ายกันเอง ทำใหม่เพิ่มเติมครับ..."


ท้ายสุดนี้ขอเชิญฟังเพลง The ASEAN Way จากไฟล์วีดีโอยูทูปข้างล่างนี้ได้เลยครับ (ไฟล์แรกใช้เพลงเวอร์ชั่นที่ชนะการประกวด ไฟล์ที่ 2 ใช้เพลงเวอร์ชั่นที่บันทึกเสียงใหม่ ซึ่งสามารถโหลดได้จากเว็บไซต์ของ อ. สำเภาครับ)

-------------------------------------------------------------------------

อ้างอิง:
* http://www.sunshineofmyart.com/
* http://www.14thaseansummit.org/thai/activities_01_2.php
* จากกระทู้พันทิปที่ C7505100 "The Asean Way เพลงชนะเลิศของคนไทยเวอร์ชั่นใหม่ครับ มีให้ downloadฟัง"

ที่มา: http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=xiengyod&month=16-02-2009&group=11&gblog=1

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

รูปแบบการเผยแพร่สารสนเทศผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต

      การเผยแพร่สารสนเทศผ่านเครือข่ายอิสเทอร์เน็ตมีหลายรูปแบบ


รูปแบบการเผยแพร่สารสนเทศผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมี2รูปแบบคือ


1.กระดานข้อความ (massege board)
แหล่งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ผู้ต้องการเผยแพร่ข้อมูลจะพิมพ์ข้อความไปฝากไว้ในกระดานข้อความ

2.การจัดทำเว็บเพ็จ (web page) ฝากไว้ในเว็บไซต์(web site) วิธีนี้ผู้ที่ทราบ URL ของเว็บเพ็จนั้นจะสามารถเข้าอ่านเอกสารที่เผยแพร่ได้โดยตรง หรือหากไม่ทราบ URL แต่สามารถระบุคำสำคัญที่มีอยู่ในเว็บเพ็จนั้น ก็อาจค้นหาผ่านโปรแกรมเรียกค้นข้อมูลได้ จึงเป็นวิธีที่สามารถคาดหวังผลได้มากที่สุด